แม่ติดเชื้อเอชไอวี ตั้งครรภ์ได้ไหม ลูกจะเสี่ยงแค่ไหน?

ในอดีตการติดเชื้อเอชไอวีถูกมองว่าเป็นอุปสรรคใหญ่ในการตั้งครรภ์ และการมีครอบครัว เพราะเชื่อกันว่าแม่ที่มีเชื้อเอชไอวีจะต้องถ่ายทอดเชื้อไปสู่ลูกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนความจริงนี้ไปอย่างสิ้นเชิง หญิงที่มีเชื้อเอชไอวีสามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย และความเสี่ยงที่ลูกจะติดเชื้อสามารถลดลงได้ต่ำกว่า 2% หากได้รับการดูแล และการรักษาที่ถูกต้อง เราจะพาคุณทำความเข้าใจถึงความเสี่ยง วิธีป้องกัน และแนวทางการดูแลแม่ และลูกอย่างครอบคลุม

แม่ติดเชื้อเอชไอวี ตั้งครรภ์ได้ไหม ลูกจะเสี่ยงแค่ไหน?

Love2test”></a></div>
<div class='code-block code-block-1' style='margin: 8px auto; text-align: center; display: block; clear: both;'>
<a href=“Quicky"

เอชไอวี คืออะไร? และเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์อย่างไร?

  • เอชไอวี คือ ไวรัสที่ทำลายภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะการทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ทำให้ร่างกายอ่อนแอ และติดเชื้อฉวยโอกาสได้ง่าย หากไม่ได้รับการรักษาอาจพัฒนาไปสู่โรคเอดส์ (AIDS)
  • การรักษาด้วยยาต้านไวรัส (ART) ปัจจุบันมียาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถควบคุมปริมาณไวรัสให้อยู่ในระดับที่ตรวจไม่พบ (Undetectable) และช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตใกล้เคียงปกติ
  • ผลกระทบต่อการตั้งครรภ์ เอชไอวีเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องเฝ้าระวังระหว่างการตั้งครรภ์ เพราะไวรัสสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูกได้
  • ช่วงเวลาที่เชื้อสามารถถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก
    • ระหว่างตั้งครรภ์,
    • ระหว่างการคลอด
    • ระหว่างการให้นมบุตร หากไม่มีมาตรการป้องกัน ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

แม่ติดเชื้อเอชไอวีสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่

  • สามารถตั้งครรภ์ได้ หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีมีโอกาสตั้งครรภ์ และมีบุตรที่ปลอดเชื้อได้ หากอยู่ภายใต้การดูแลทางการแพทย์อย่างใกล้ชิด
  • ความสำคัญของยาต้านไวรัส (ART) การรับประทานยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอช่วยควบคุมปริมาณไวรัสในร่างกาย หากควบคุมจนตรวจไม่พบ (Undetectable) โอกาสที่ลูกจะติดเชื้อจะลดลงอย่างมาก
  • ปริมาณไวรัส (Viral Load) คือปัจจัยสำคัญ หากแม่มี Viral Load ต่ำ โอกาสที่ลูกจะปลอดภัยก็สูงขึ้น แต่ถ้า Viral Load สูง ความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อก็เพิ่มขึ้น
  • ความจำเป็นของการวางแผนการตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อเลือกวิธีปฏิสนธิที่เหมาะสม ตรวจสุขภาพประเมินความพร้อม และรับคำแนะนำการดูแลระหว่างการตั้งครรภ์
  • การตรวจติดตามอย่างต่อเนื่อง หญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อเอชไอวีควรเข้ารับการตรวจตามนัดหมาย เช่น การตรวจ Viral Load, การตรวจเลือดทั่วไป และการติดตามสุขภาพของทารก

ความเสี่ยงที่ลูกจะติดเชื้อเอชไอวี

  • หากแม่ไม่ได้รับการรักษา ความเสี่ยงที่ลูกจะติดเชื้ออยู่ที่ประมาณ 25–40% เนื่องจากไม่มีมาตรการป้องกันใด ๆ มาควบคุมการถ่ายทอดเชื้อ
  • หากแม่ได้รับยาต้านไวรัสตามแนวทาง เมื่อแม่ได้รับยาต้านไวรัสระหว่างตั้งครรภ์ และขณะคลอด และทารกได้รับยาต้านไวรัสหลังคลอดตามแนวทาง ความเสี่ยงจะลดลงเหลือ น้อยกว่า 2%
  • การให้นมบุตรโดยไม่มีมาตรการป้องกัน หากแม่ติดเชื้อ และให้นมลูกโดยตรงโดยไม่ได้ใช้มาตรการควบคุม ความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้ออาจเพิ่มขึ้นอีก 5–20%
  • การควบคุมปริมาณไวรัส (Viral Load) สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้ Viral Load ในร่างกายแม่ต่ำที่สุดก่อน และระหว่างการตั้งครรภ์ ยิ่งตรวจไม่พบเชื้อ โอกาสที่ลูกจะปลอดภัยก็ยิ่งสูง

สิ่งสำคัญ คือ การควบคุมปริมาณไวรัสในร่างกายแม่ให้ต่ำที่สุดก่อน และระหว่างการตั้งครรภ์

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก

  • ระดับปริมาณไวรัส (Viral Load) ของแม่ Viral Load คือปริมาณเชื้อเอชไอวีในกระแสเลือด หากแม่มีปริมาณไวรัสสูง ความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อสู่ลูกก็จะเพิ่มขึ้น แต่หากควบคุมด้วยยาต้านไวรัสจนตรวจไม่พบ ความเสี่ยงจะต่ำมาก
  • การได้รับหรือไม่ได้รับยาต้านไวรัส (ART) แม่ที่ได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ มีโอกาสลดความเสี่ยงให้เหลือต่ำกว่า 2% ในขณะที่แม่ที่ไม่ได้รับการรักษา ความเสี่ยงอาจสูงถึง 25–40%
  • วิธีการคลอด (ผ่าคลอดหรือคลอดธรรมชาติ) การผ่าคลอดช่วยลดการสัมผัสเลือด และสารคัดหลั่งในช่องคลอด จึงลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ โดยเฉพาะในกรณีที่แม่มี Viral Load สูง ในขณะที่การคลอดธรรมชาติมีความเสี่ยงมากกว่า
  • การให้นมบุตรโดยไม่มีมาตรการควบคุม เอชไอวีสามารถถ่ายทอดผ่านน้ำนมแม่ได้ หากไม่มีมาตรการป้องกัน เช่น การใช้นมผงหรือนมแม่ที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ ความเสี่ยงในการติดเชื้อจะสูงขึ้น 5–20%
  • ภาวะสุขภาพของแม่ หากแม่มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ซิฟิลิส หนองในเทียม หรือไวรัสตับอักเสบ จะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่ลูกจะติดเชื้อเอชไอวี เนื่องจากเยื่อบุในร่างกายมีโอกาสอักเสบ และเกิดบาดแผลได้ง่าย

วิธีลดความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อ

  • การตรวจเอชไอวีของหญิงตั้งครรภ์ทุกคนตั้งแต่ไตรมาสแรก การตรวจเร็วตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ทำให้สามารถรู้สถานะของแม่ได้ทันที หากพบเชื้อ แพทย์สามารถเริ่มการรักษา และวางแผนการดูแลเพื่อป้องกันการถ่ายทอดเชื้อได้ตั้งแต่ต้น
  • การให้ยาต้านไวรัสแก่แม่อย่างสม่ำเสมอตลอดการตั้งครรภ์ การกินยาต้านไวรัส (ART) อย่างต่อเนื่องช่วยควบคุม Viral Load ให้อยู่ในระดับต่ำหรือถึงขั้นตรวจไม่พบ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการลดความเสี่ยงที่ลูกจะติดเชื้อ
  • การให้ยาต้านไวรัสแก่ทารกหลังคลอดตามแนวทางของแพทย์ ทารกที่เกิดจากแม่ที่มีเชื้อเอชไอวีควรได้รับยาต้านไวรัสทันทีหลังคลอดตามระยะเวลาที่แพทย์กำหนด เพื่อลดโอกาสที่เชื้อซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายขณะคลอดจะเจริญเติบโต
  • การเลือกวิธีการคลอดที่เหมาะสม หากแม่มี Viral Load สูง แพทย์มักแนะนำให้ผ่าคลอดเพื่อลดการสัมผัสเลือด และสารคัดหลั่งในช่องคลอด แต่ถ้า Viral Load อยู่ในระดับตรวจไม่พบ การคลอดธรรมชาติก็สามารถทำได้อย่างปลอดภัย
  • การพิจารณาทางเลือกในการให้นมบุตรที่ปลอดภัย เนื่องจากเชื้อเอชไอวีสามารถถ่ายทอดผ่านน้ำนมแม่ได้ หากไม่มีมาตรการป้องกัน แนะนำให้ใช้นมผงแทนการให้นมแม่ หรือหากจำเป็นต้องใช้นมแม่ ควรผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อก่อนให้นมเพื่อลดความเสี่ยง
แนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อเอชไอวี

แนวทางการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อเอชไอวี

  • การตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ (Preconception Care) หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีควรปรึกษาแพทย์ก่อนการตั้งครรภ์ เพื่อประเมินความพร้อมของร่างกาย ตรวจหาภาวะโรคร่วม และวางแผนการใช้ยาต้านไวรัสที่ปลอดภัยต่อทั้งแม่ และลูก
  • การติดตามการทำงานของตับ ไต และระดับ CD4 เนื่องจากยาต้านไวรัสอาจส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะสำคัญ การตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการวัดค่า CD4 และ Viral Load จะช่วยให้มั่นใจได้ว่ายังคงควบคุมเชื้อเอชไอวีได้ดี และร่างกายแม่แข็งแรงพอสำหรับการตั้งครรภ์ และการคลอด
  • การให้คำปรึกษาทางจิตใจ และครอบครัว นอกจากการดูแลร่างกายแล้ว การสนับสนุนด้านจิตใจเป็นสิ่งจำเป็น การให้คำปรึกษาแก่แม่ และครอบครัวช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และยังช่วยลดการตีตราทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น
  • การดูแลหลังคลอดทั้งแม่ และลูก หลังคลอด แม่ควรรับยาต้านไวรัสต่อเนื่องอย่างเคร่งครัด และลูกควรได้รับยาต้านตามแนวทางที่แพทย์กำหนด รวมถึงมีระบบติดตามตรวจเลือด และประเมินสุขภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบว่าทารกปลอดเชื้อ และสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแรง

ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในการป้องกันแม่ถ่ายทอดเชื้อสู่ลูก

  • ยาต้านไวรัสรุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ปัจจุบันมียาต้านไวรัสสูตรใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และผลข้างเคียงลดลง ช่วยให้แม่ตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อสามารถควบคุมไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อทารก
  • ยาสูตรออกฤทธิ์ยาว (Long-acting ART) เป็นความก้าวหน้าสำคัญที่ช่วยลดภาระการกินยาทุกวัน โดยสามารถฉีดเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี แต่ยังคงควบคุมไวรัสได้ในระดับต่ำหรือถึงขั้นตรวจไม่พบ
  • การตรวจเอชไอวีที่รวดเร็ว และแม่นยำ เครื่องมือวินิจฉัยรุ่นใหม่ช่วยให้ตรวจพบเชื้อเอชไอวีได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ทำให้หญิงตั้งครรภ์สามารถเริ่มการรักษาทันที และลดโอกาสในการถ่ายทอดเชื้อสู่ลูก
  • ยุทธศาสตร์ Triple Elimination ขององค์การอนามัยโลก WHO ส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ ใช้นโยบายกำจัดการถ่ายทอดจากแม่สู่ลูก ไม่เพียงแต่เอชไอวี แต่รวมถึงซิฟิลิส และไวรัสตับอักเสบบีไปพร้อมกัน เพื่อสร้างความปลอดภัยรอบด้านแก่แม่ และเด็ก

ปัญหา และอุปสรรคในประเทศไทย

  • การฝากครรภ์ล่าช้าหรือขาดการฝากครรภ์ หญิงตั้งครรภ์บางรายไม่ได้รับการฝากครรภ์ตั้งแต่ไตรมาสแรก ทำให้พลาดโอกาสในการตรวจหาเชื้อ และเริ่มยาต้านไวรัสอย่างทันท่วงที
  • การขาดการเข้าถึงข้อมูล และบริการในพื้นที่ชนบท ผู้หญิงในพื้นที่ห่างไกลหรือกลุ่มเปราะบางมักเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับเอชไอวี และบริการทางการแพทย์ได้ยาก ทำให้ตกหล่นจากระบบการดูแล
  • ความกลัวการถูกตีตรา การเลือกปฏิบัติ และทัศนคติทางลบในสังคมทำให้บางคนไม่กล้าเข้ารับการตรวจเอชไอวีหรือปฏิเสธการรักษา แม้จะมีบริการฟรีจากรัฐ
  • ปัญหาความต่อเนื่องในการกินยาต้านไวรัส ผู้หญิงบางรายไม่สามารถกินยาต้านไวรัสได้ต่อเนื่อง อาจเพราะผลข้างเคียง ปัญหาทางเศรษฐกิจ หรือการขาดแรงสนับสนุน ส่งผลให้ Viral Load สูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงในการถ่ายทอดเชื้อสู่ลูก

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

ตรวจให้ชัวร์ รู้สถานะชัด คำตอบสำหรับการป้องกันเอชไอวีที่มีประสิทธิภาพ

“ChatLove2test"

การดื้อยาต้านไวรัสเอชไอวี : สาเหตุ และแนวทางการรับมือในระยะยาว

แม่ที่ติดเชื้อเอชไอวี สามารถตั้งครรภ์ได้ หากอยู่ในการดูแลของแพทย์ และรับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอ ความเสี่ยงที่ลูกจะติดเชื้อสามารถลดลงเหลือน้อยกว่า 2% ด้วยมาตรการป้องกันที่เหมาะสม ดังนั้น ความรู้ ความเข้าใจ และการเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้แม่ และลูกมีชีวิตที่ปลอดภัย และมีคุณภาพ

เอกสารอ้างอิง

  • World Health Organization (WHO). Mother-to-child transmission of HIV. แนวทางการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.who.int/health-topics/hiv#tab=tab_2
  • UNAIDS. Global AIDS Update. ข้อมูลสถานการณ์และสถิติเอชไอวีทั่วโลก รวมถึงการถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.unaids.org/en/resources/documents
  • UNICEF. HIV and AIDS in pregnancy. ข้อมูลการดูแลหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อเอชไอวีและมาตรการป้องกันลูกติดเชื้อ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.unicef.org/hiv
  • กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. แนวทางการป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกในประเทศไทย. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th
  • มูลนิธิเข้าถึงเอดส์ (AIDS Access Foundation). ข้อมูลสิทธิในการรักษาและการป้องกันเอชไอวีสำหรับแม่และเด็ก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.aidsaccessfoundation.or.th

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า