PrEP กับ PEP ใช้ผิดเวลา เสี่ยงพลาด! มาเรียนรู้ความต่างกัน

ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า เรามีทางเลือกมากมายในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเอชไอวี (HIV) ที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทยและทั่วโลก หนึ่งในแนวทางที่ได้รับการยอมรับ คือการใช้ยาต้านไวรัสเพื่อการป้องกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ PrEP และ PEP

แม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายเหมือนกัน คือ ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี แต่แตกต่างกันอย่างมากในเรื่องเวลา และ สถานการณ์การใช้ หากใช้ผิดเวลา อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นเราควรรู้ความแตกต่างระหว่าง PrEP และ PEP ว่าใช้อย่างไร? เหมาะกับใคร? และต้องระวังอะไรบ้าง เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด

PrEP กับ PEP ใช้ผิดเวลา เสี่ยงพลาด! มาเรียนรู้ความต่างกัน

PrEP คืออะไร? ยากินก่อนเสี่ยง

PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) หรือการป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ เป็นยาต้านไวรัสที่ออกแบบมาให้ใช้ ก่อนจะเกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ก่อนมีเพศสัมพันธ์ที่อาจไม่ปลอดภัย

โดยทั่วไป ยา PrEP ที่ใช้คือ Tenofovir/Emtricitabine (TDF/FTC) ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย

กลไกการทำงานของ PrEP

เมื่อรับประทานยา PrEP อย่างสม่ำเสมอ ยาจะสร้างระดับยาคงที่ ในร่างกาย ซึ่งสามารถยับยั้งไวรัสเอชไอวีได้ทันทีหากเข้าสู่ร่างกาย ช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายหรือเพิ่มจำนวน

ใครควรใช้ PrEP?

  • ผู้มีคู่นอนติดเชื้อเอชไอวี
  • ผู้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใช้ถุงยางอนามัยบ่อยครั้ง
  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM)
  • ผู้มีคู่นอนหลายคน หรือไม่แน่ใจสถานะเอชไอวีของคู่นอน
  • ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด

การใช้ PrEP ให้ได้ผล

  • ต้องรับประทาน ทุกวันต่อเนื่อง หรือแบบ On-Demand (เฉพาะก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์)
  • ตรวจเลือดหาเชื้อ HIV ทุก 3 เดือน
  • ตรวจสุขภาพตับ ไต และโรคติดต่อทางเพศอื่นเป็นระยะ

PEP คืออะไร? ยาหลังเสี่ยง ฉุกเฉินต้องรีบใช้

PEP (Post-Exposure Prophylaxis) หรือการป้องกันหลังสัมผัสเชื้อ คือ การใช้ยาต้านไวรัสภายหลังจากที่คุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การถูกล่วงละเมิด หรือการสัมผัสเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ

PEP ต้องเริ่มใช้เมื่อใด?

  • ภายใน 72 ชั่วโมง หลังสัมผัสความเสี่ยง
  • ใช้ต่อเนื่อง 28 วัน
    ต้องรับประทานทุกวันตามแพทย์สั่ง

ยาที่ใช้มักเป็นสูตรเดียวกับการรักษาเอชไอวีจริงๆ เช่น Tenofovir/Emtricitabine + Raltegravir หรือ Dolutegravir

ใครควรใช้ PEP?

  • ถูกข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศ
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และไม่ทราบสถานะของคู่นอน
  • ถุงยางแตกหรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • สัมผัสเลือดของผู้อื่นที่อาจมีเชื้อ เช่น แพทย์ พยาบาล หรือผู้ทำงานด้านสุขภาพ

การใช้ PEP ให้ได้ผล

  • ต้องเริ่มภายใน 72 ชั่วโมง ไม่เกินกว่านั้น
  • รับประทานยา ครบ 28 วัน ต่อเนื่อง ห้ามขาด
  • ตรวจเลือดติดตามภายหลัง เช่น ที่ 1, 3 และ 6 เดือน
ตารางเปรียบเทียบ PrEP และ PEP

ตารางเปรียบเทียบ PrEP และ PEP

ปัจจัยPrEPPEP
จุดประสงค์ป้องกันก่อนเสี่ยงป้องกันหลังเสี่ยง
เวลาเริ่มใช้ก่อนมีความเสี่ยงอย่างน้อย 7 วันภายใน 72 ชม. หลังเสี่ยง
ระยะเวลาการใช้ต่อเนื่อง / เป็นช่วง28 วัน
เหมาะกับใครผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสูงผู้ที่เสี่ยงเฉียบพลัน
การติดตามตรวจเอชไอวี ทุก 3 เดือนตรวจระหว่าง/หลังใช้
ประสิทธิภาพสูงถึง 99% หากใช้ถูกต้อง80–90% หากใช้ภายในเวลา

ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง

PrEP และ PEP อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือท้องเสีย ซึ่งมักหายได้เองในไม่กี่วัน

หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติ เช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง ปวดบริเวณไต ควรพบแพทย์ทันที

ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ PrEP และ PEP

  • ใช้ PrEP หรือ PEP แทนถุงยางอนามัยได้ 100% → จริงๆ แล้ว ควรใช้ร่วมกัน
  • กิน PrEP ครั้งเดียวก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็พอ → ต้องใช้สม่ำเสมอหรือตามแผน
  • ไม่รู้สถานะตัวเองก็ใช้ PEP ได้เสมอ → ต้องประเมินกับแพทย์ก่อน
  • ใช้ PrEP แล้วไม่ต้องตรวจ HIV อีก → ต้องตรวจทุก 3 เดือน

PrEP และ PEP ในประเทศไทย

ประเทศไทยเริ่มให้บริการ PrEP และ PEP อย่างเป็นระบบในสถานบริการสุขภาพบางแห่ง และในกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม เช่น กลุ่มชายรักชาย หรือกลุ่มเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง

PrEP แบบฉีด (เช่น Cabotegravir) เริ่มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากสะดวกกว่าแบบเม็ดและลดปัญหาลืมกินยา

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PrEP และ PEP

Q: PrEP กับ PEP ใช้พร้อมกันได้ไหม?
A: ไม่ควรใช้พร้อมกัน ควรใช้ตามสถานการณ์ หากเสี่ยงแล้ว ให้ใช้ PEP แทน PrEP แล้วค่อยพิจารณาเริ่ม PrEP หลังจากจบคอร์ส PEP

Q: ต้องตรวจ HIV ก่อนใช้ PrEP ไหม?
A: ต้องตรวจก่อนเสมอ หากติดเชื้ออยู่แล้ว การใช้ PrEP อาจทำให้เกิดการดื้อยา

Q: ใช้ PrEP แล้วปลอดภัยจาก HIV 100% ไหม?
A: ไม่มีวิธีใดที่ป้องกันได้ 100% แต่ PrEP ช่วยลดความเสี่ยงได้สูงถึง 99% หากใช้ถูกต้องและสม่ำเสมอ

อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม

PrEP แบบฉีดคืออะไร? นวัตกรรมใหม่ป้องกันเอชไอวี อย่างมีประสิทธิภาพ

Lenacapavir เปลี่ยนชีวิตผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างไร?

PrEP และ PEP ต่างก็เป็นยาต้านไวรัสที่ทรงพลังในการป้องกันเอชไอวี แต่การใช้ที่ถูกเวลา และเหมาะสมกับสถานการณ์ คือ หัวใจสำคัญ หากคุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไม่ว่าจะจากพฤติกรรมส่วนตัว หรือเหตุไม่คาดฝัน อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์

อย่ารอให้สายเกินไป เพราะการป้องกัน เริ่มต้นที่ความรู้ และการตัดสินใจที่ถูกต้อง

เอกสารอ้างอิง

  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PrEP: Pre-Exposure Prophylaxis. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hiv/basics/prep.html
  • Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PEP: Post-Exposure Prophylaxis. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hiv/basics/pep.html
  • World Health Organization (WHO). Consolidated guidelines on HIV prevention, testing, treatment, service delivery and monitoring. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/publications/i/item/9789240031593
  • กระทรวงสาธารณสุข (ประเทศไทย). แนวทางการให้บริการเพร็พ (PrEP) เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1164820230829110431.pdf
  • UNAIDS. HIV prevention: Combination prevention strategies. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.unaids.org/en/resources/documents/2022/hiv-prevention-strategies

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า