ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า เรามีทางเลือกมากมายในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเอชไอวี (HIV) ที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทยและทั่วโลก หนึ่งในแนวทางที่ได้รับการยอมรับ คือการใช้ยาต้านไวรัสเพื่อการป้องกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ PrEP และ PEP
แม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายเหมือนกัน คือ ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี แต่แตกต่างกันอย่างมากในเรื่องเวลา และ สถานการณ์การใช้ หากใช้ผิดเวลา อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นเราควรรู้ความแตกต่างระหว่าง PrEP และ PEP ว่าใช้อย่างไร? เหมาะกับใคร? และต้องระวังอะไรบ้าง เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด

PrEP คืออะไร? ยากินก่อนเสี่ยง
PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) หรือการป้องกันก่อนสัมผัสเชื้อ เป็นยาต้านไวรัสที่ออกแบบมาให้ใช้ ก่อนจะเกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ก่อนมีเพศสัมพันธ์ที่อาจไม่ปลอดภัย
โดยทั่วไป ยา PrEP ที่ใช้คือ Tenofovir/Emtricitabine (TDF/FTC) ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัย
กลไกการทำงานของ PrEP
เมื่อรับประทานยา PrEP อย่างสม่ำเสมอ ยาจะสร้างระดับยาคงที่ ในร่างกาย ซึ่งสามารถยับยั้งไวรัสเอชไอวีได้ทันทีหากเข้าสู่ร่างกาย ช่วยป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายหรือเพิ่มจำนวน
ใครควรใช้ PrEP?
- ผู้มีคู่นอนติดเชื้อเอชไอวี
- ผู้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใช้ถุงยางอนามัยบ่อยครั้ง
- ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM)
- ผู้มีคู่นอนหลายคน หรือไม่แน่ใจสถานะเอชไอวีของคู่นอน
- ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด
การใช้ PrEP ให้ได้ผล
- ต้องรับประทาน ทุกวันต่อเนื่อง หรือแบบ On-Demand (เฉพาะก่อนและหลังมีเพศสัมพันธ์)
- ตรวจเลือดหาเชื้อ HIV ทุก 3 เดือน
- ตรวจสุขภาพตับ ไต และโรคติดต่อทางเพศอื่นเป็นระยะ
PEP คืออะไร? ยาหลังเสี่ยง ฉุกเฉินต้องรีบใช้
PEP (Post-Exposure Prophylaxis) หรือการป้องกันหลังสัมผัสเชื้อ คือ การใช้ยาต้านไวรัสภายหลังจากที่คุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน การถูกล่วงละเมิด หรือการสัมผัสเลือดโดยไม่ได้ตั้งใจ
PEP ต้องเริ่มใช้เมื่อใด?
- ภายใน 72 ชั่วโมง หลังสัมผัสความเสี่ยง
- ใช้ต่อเนื่อง 28 วัน
ต้องรับประทานทุกวันตามแพทย์สั่ง
ยาที่ใช้มักเป็นสูตรเดียวกับการรักษาเอชไอวีจริงๆ เช่น Tenofovir/Emtricitabine + Raltegravir หรือ Dolutegravir
ใครควรใช้ PEP?
- ถูกข่มขืนหรือล่วงละเมิดทางเพศ
- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และไม่ทราบสถานะของคู่นอน
- ถุงยางแตกหรือหลุดระหว่างมีเพศสัมพันธ์
- สัมผัสเลือดของผู้อื่นที่อาจมีเชื้อ เช่น แพทย์ พยาบาล หรือผู้ทำงานด้านสุขภาพ
การใช้ PEP ให้ได้ผล
- ต้องเริ่มภายใน 72 ชั่วโมง ไม่เกินกว่านั้น
- รับประทานยา ครบ 28 วัน ต่อเนื่อง ห้ามขาด
- ตรวจเลือดติดตามภายหลัง เช่น ที่ 1, 3 และ 6 เดือน

ตารางเปรียบเทียบ PrEP และ PEP
ปัจจัย | PrEP | PEP |
จุดประสงค์ | ป้องกันก่อนเสี่ยง | ป้องกันหลังเสี่ยง |
เวลาเริ่มใช้ | ก่อนมีความเสี่ยงอย่างน้อย 7 วัน | ภายใน 72 ชม. หลังเสี่ยง |
ระยะเวลาการใช้ | ต่อเนื่อง / เป็นช่วง | 28 วัน |
เหมาะกับใคร | ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงสูง | ผู้ที่เสี่ยงเฉียบพลัน |
การติดตาม | ตรวจเอชไอวี ทุก 3 เดือน | ตรวจระหว่าง/หลังใช้ |
ประสิทธิภาพ | สูงถึง 99% หากใช้ถูกต้อง | 80–90% หากใช้ภายในเวลา |
ข้อควรระวัง และผลข้างเคียง
PrEP และ PEP อาจมีผลข้างเคียง เช่น คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ หรือท้องเสีย ซึ่งมักหายได้เองในไม่กี่วัน
หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการผิดปกติ เช่น ตาเหลือง ตัวเหลือง ปวดบริเวณไต ควรพบแพทย์ทันที
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ PrEP และ PEP
- ใช้ PrEP หรือ PEP แทนถุงยางอนามัยได้ 100% → จริงๆ แล้ว ควรใช้ร่วมกัน
- กิน PrEP ครั้งเดียวก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็พอ → ต้องใช้สม่ำเสมอหรือตามแผน
- ไม่รู้สถานะตัวเองก็ใช้ PEP ได้เสมอ → ต้องประเมินกับแพทย์ก่อน
- ใช้ PrEP แล้วไม่ต้องตรวจ HIV อีก → ต้องตรวจทุก 3 เดือน
PrEP และ PEP ในประเทศไทย
ประเทศไทยเริ่มให้บริการ PrEP และ PEP อย่างเป็นระบบในสถานบริการสุขภาพบางแห่ง และในกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่ม เช่น กลุ่มชายรักชาย หรือกลุ่มเยาวชนที่มีพฤติกรรมเสี่ยง
PrEP แบบฉีด (เช่น Cabotegravir) เริ่มได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากสะดวกกว่าแบบเม็ดและลดปัญหาลืมกินยา
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ PrEP และ PEP
Q: PrEP กับ PEP ใช้พร้อมกันได้ไหม?
A: ไม่ควรใช้พร้อมกัน ควรใช้ตามสถานการณ์ หากเสี่ยงแล้ว ให้ใช้ PEP แทน PrEP แล้วค่อยพิจารณาเริ่ม PrEP หลังจากจบคอร์ส PEP
Q: ต้องตรวจ HIV ก่อนใช้ PrEP ไหม?
A: ต้องตรวจก่อนเสมอ หากติดเชื้ออยู่แล้ว การใช้ PrEP อาจทำให้เกิดการดื้อยา
Q: ใช้ PrEP แล้วปลอดภัยจาก HIV 100% ไหม?
A: ไม่มีวิธีใดที่ป้องกันได้ 100% แต่ PrEP ช่วยลดความเสี่ยงได้สูงถึง 99% หากใช้ถูกต้องและสม่ำเสมอ
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
PrEP แบบฉีดคืออะไร? นวัตกรรมใหม่ป้องกันเอชไอวี อย่างมีประสิทธิภาพ
Lenacapavir เปลี่ยนชีวิตผู้ติดเชื้อเอชไอวีอย่างไร?
PrEP และ PEP ต่างก็เป็นยาต้านไวรัสที่ทรงพลังในการป้องกันเอชไอวี แต่การใช้ที่ถูกเวลา และเหมาะสมกับสถานการณ์ คือ หัวใจสำคัญ หากคุณมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ไม่ว่าจะจากพฤติกรรมส่วนตัว หรือเหตุไม่คาดฝัน อย่าลังเลที่จะปรึกษาแพทย์
อย่ารอให้สายเกินไป เพราะการป้องกัน เริ่มต้นที่ความรู้ และการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เอกสารอ้างอิง
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PrEP: Pre-Exposure Prophylaxis. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hiv/basics/prep.html
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PEP: Post-Exposure Prophylaxis. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.cdc.gov/hiv/basics/pep.html
- World Health Organization (WHO). Consolidated guidelines on HIV prevention, testing, treatment, service delivery and monitoring. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.who.int/publications/i/item/9789240031593
- กระทรวงสาธารณสุข (ประเทศไทย). แนวทางการให้บริการเพร็พ (PrEP) เพื่อป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/1164820230829110431.pdf
- UNAIDS. HIV prevention: Combination prevention strategies. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก: https://www.unaids.org/en/resources/documents/2022/hiv-prevention-strategies