ในยุคที่วิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การป้องกันเอชไอวี (HIV) ก็มีทางเลือกใหม่ที่สะดวกขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคใหม่มากขึ้น หนึ่งในนวัตกรรมที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง คือ PrEP แบบฉีด หรือ Injectable PrEP ทางเลือกใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงแนวทางการป้องกันเอชไอวี ไปโดยสิ้นเชิง

PrEP คืออะไร?
PrEP ย่อมาจากคำว่า Pre-Exposure Prophylaxis ซึ่งหมายถึง การป้องกันล่วงหน้า ก่อนที่ร่างกายจะสัมผัสกับเชื้อเอชไอวี โดยการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง และสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายมีระดับยาเพียงพอในการยับยั้งไม่ให้ไวรัสสามารถตั้งหลักหรือแพร่กระจายในร่างกายได้ หากเกิดเหตุการณ์เสี่ยงขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
จุดเด่นของ PrEP คือ
- ไม่ใช่ยารักษาเอชไอวี แต่เป็นยาสำหรับคนที่ยังไม่ติดเชื้อ
- ต้องกินหรือฉีดอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์สูงสุด
- มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี หากใช้อย่างถูกต้อง
PrEP แบบกิน คืออะไร?
PrEP แบบกิน เป็นรูปแบบที่ใช้กันอย่างแพร่หลายมานาน โดยใช้ตัวยา Tenofovir (TDF หรือ TAF) ร่วมกับ Emtricitabine (FTC) ในรูปแบบเม็ดรับประทาน ซึ่งมีทั้งแบบกินทุกวัน และแบบกินตามสูตรที่เรียกว่า on-demand (สูตร 2+1+1)
วิธีใช้
- สูตรรายวัน (Daily PrEP): กินวันละ 1 เม็ดทุกวัน
- สูตรเฉพาะกิจ (On-demand PrEP): กิน 2 เม็ดก่อนเสี่ยง 2–24 ชม. แล้วกินอีก 1 เม็ดหลัง 24 ชม. และอีก 1 เม็ดหลังจากนั้นอีก 24 ชม.
ข้อดี
- เข้าถึงง่าย มีใช้ในประเทศไทยแล้วอย่างแพร่หลาย
- เหมาะกับผู้ที่สามารถกินยาได้อย่างมีวินัย
ข้อจำกัด
- ต้องกินทุกวันอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ได้ผล
- ถ้าลืมกินยา ประสิทธิภาพจะลดลงทันที
PrEP แบบฉีด คืออะไร?
เพื่อแก้ปัญหาการลืมกินยา และเพิ่มความสะดวกในการใช้ PrEP แบบฉีด จึงถูกพัฒนาขึ้น โดยใช้ตัวยาชื่อว่า Cabotegravir Long-Acting (CAB-LA) ซึ่งเป็นยาในกลุ่มยาต้านไวรัสที่มีฤทธิ์ยาวนาน
ลักษณะของ PrEP แบบฉีด
- ฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุก 8 สัปดาห์ (2 เดือน)
- สร้างระดับยาคงที่ในกระแสเลือดได้นาน
- ไม่ต้องกินยาเองทุกวัน
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดความยุ่งยากในการป้องกัน
- ให้ผลการป้องกันเอชไอวี ที่เทียบเท่า หรือดีกว่าการใช้ PrEP แบบกิน
ทำไม PrEP แบบฉีดจึงน่าสนใจ?
- ลดความผิดพลาดจากพฤติกรรมลืมกินยา หลายคนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี เช่น ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM), หญิงข้ามเพศ, หรือผู้ที่มีคู่นอนหลายคน อาจมีไลฟ์สไตล์ที่ไม่สามารถกินยาเป็นประจำได้ การฉีดยาเพียงทุก 2 เดือนจึงเป็นทางเลือกที่สะดวก และปลอดภัยกว่า
- ไม่มีปัญหาเรื่องการพกพายาหรือความอายในการพกยา PrEP แบบฉีดไม่ต้องพกยา ไม่มีร่องรอยของการใช้ยาในชีวิตประจำวัน เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
- เหมาะกับผู้ที่อยู่ในระบบการดูแลสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ การฉีด PrEP ต้องพบแพทย์ตามนัด ทำให้สามารถตรวจสุขภาพ ตรวจเอชไอวี และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
ประสิทธิภาพของ PrEP แบบฉีดในการป้องกันเอชไอวี
หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ PrEP แบบฉีด (Cabotegravir Long-Acting หรือ CAB-LA) ได้รับความสนใจไปทั่วโลก คือ ผลการศึกษาวิจัยทางคลินิกระดับนานาชาติ ที่ชี้ให้เห็นว่า PrEP แบบฉีดสามารถป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี ได้ดีกว่า PrEP แบบกิน (Tenofovir/Emtricitabine) อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรที่มีความเสี่ยงสูง
หลักฐานจากงานวิจัยระดับนานาชาติ
สองการศึกษาหลักที่สนับสนุนประสิทธิภาพของ PrEP แบบฉีด ได้แก่
- HPTN 083 (ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย และหญิงข้ามเพศ)
- งานวิจัยนี้เปรียบเทียบประสิทธิภาพของ Cabotegravir แบบฉีดทุก 8 สัปดาห์ กับ ยา Tenofovir/Emtricitabine แบบเม็ดที่ต้องกินทุกวัน
- ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่ใช้ PrEP แบบฉีดติดเชื้อเอชไอวี น้อยกว่ากลุ่มที่ใช้แบบกินถึง 66%
- สรุปคือ PrEP แบบฉีด มีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ PrEP แบบเม็ดในกลุ่ม MSM และหญิงข้ามเพศ
- HPTN 084 (หญิงในแอฟริกาที่มีความเสี่ยงสูง)
- การศึกษานี้มุ่งเน้นกลุ่มผู้หญิงที่มีพฤติกรรมเสี่ยงในประเทศแอฟริกา
- พบว่า PrEP แบบฉีด ลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวี ได้ดีกว่าการกินยา PrEP แบบเดิมถึง 89%
- ถือเป็นการยืนยันว่า PrEP ฉีดให้ผลดีในประชากรหญิงด้วยเช่นกัน

ทำไม PrEP แบบฉีดจึงได้ผลดีกว่าแบบเม็ด?
- ระดับยาในเลือดคงที่ Cabotegravir แบบฉีดถูกออกแบบให้ค่อย ๆ ปล่อยยาในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับยาในเลือดคงที่ ไม่ลดลงเหมือนผู้ที่ลืมกินยาเป็นครั้งคราว
- ลดปัญหาเรื่องพฤติกรรม ป้องกันการติดเชื้อได้อย่างเต็มที่แม้ในคนที่ “ลืมง่าย” หรือมีไลฟ์สไตล์ไม่แน่นอน ไม่ต้องพกยา ไม่ต้องกลัวคนเห็น ไม่ต้องจำเวลา
- ผลการป้องกันใกล้เคียงกับวัคซีน แม้ PrEP จะไม่ใช่วัคซีน แต่การฉีดยาทุก 2 เดือนเหมือนการ สร้างเกราะ ป้องกันไว้ล่วงหน้า ช่วยลดการติดเชื้อเอชไอวี แม้มีพฤติกรรมเสี่ยงเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
PrEP แบบฉีดเหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอย่างต่อเนื่อง
- ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย (MSM)
- หญิงข้ามเพศที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย
- ผู้ที่มีคู่นอนติดเชื้อเอชไอวี หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง
- ผู้ที่ลืมกินยา PrEP แบบเม็ดเป็นประจำ
- ผู้ที่ไม่สะดวกพกพายา หรือมีปัญหาในการกินยา
ขั้นตอนการเริ่มต้นใช้ PrEP แบบฉีด (Injectable PrEP)
การเริ่มใช้ PrEP แบบฉีด ไม่ใช่เพียงแค่ไปขอฉีดแล้วจบในครั้งเดียว แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เนื่องจากต้องมีการประเมินสุขภาพ ตรวจเลือด และวางแผนการดูแลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่า ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และเหมาะกับผู้ใช้แต่ละรายจริง ๆ
ตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี เพื่อยืนยันว่ายังไม่ติดเชื้อ
ก่อนจะเริ่มใช้ PrEP ไม่ว่าจะเป็นแบบกินหรือแบบฉีด ผู้รับบริการต้องได้รับการตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี ก่อนทุกครั้ง
- หากพบว่าติดเชื้อเอชไอวี แล้ว ห้ามใช้ PrEP เด็ดขาด เพราะตัวยาอาจไม่เพียงพอต่อการควบคุมเชื้อ และเสี่ยงดื้อต่อการรักษา
- แพทย์จะทำการตรวจซ้ำหากพบปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ เช่น มีอาการคล้ายไข้ หรือเพิ่งมีเพศสัมพันธ์ไม่ป้องกันเมื่อเร็ว ๆ นี้
ตรวจเลือดเพิ่มเติม เช็กความพร้อมของร่างกาย
ก่อนเริ่มฉีด PrEP แพทย์จะตรวจสุขภาพเพิ่มเติม เพื่อประเมินความเหมาะสมของผู้ใช้ ดังนี้:
- ตรวจไวรัสตับอักเสบบี และซี (HBV/HCV) บางคนอาจมีโรคแฝงที่ต้องระวัง
- ตรวจการทำงานของตับ และไต แม้ PrEP แบบฉีดจะปลอดภัย แต่หากมีโรคตับหรือไตรุนแรง ควรได้รับการดูแลเฉพาะ
- ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส หนองใน เริม ฯลฯ เพราะมีผลต่อการวางแผนการดูแลสุขภาพโดยรวม
เริ่มฉีด PrEP ตามสูตรเริ่มต้น
การใช้ PrEP แบบฉีดจะเริ่มจากการอิ่มยา ก่อนเพื่อให้ระดับยาในร่างกายคงที่อย่างรวดเร็ว
- ฉีดครั้งที่ 1 ฉีดยา Cabotegravir เข้ากล้ามเนื้อ (บริเวณสะโพกหรือต้นขา)
- ฉีดครั้งที่ 2 ห่างจากครั้งแรกประมาณ 4 สัปดาห์ (1 เดือน)
- หลังจากนั้นจะเข้าสู่ช่วงการดูแลระยะยาว
ฉีดทุก 8 สัปดาห์ (2 เดือน) อย่างต่อเนื่อง
หลังจากครบการฉีด 2 เข็มแรกแล้ว ผู้ใช้จะต้อง มาฉีดซ้ำทุก 2 เดือน เพื่อคงระดับยาในร่างกายให้อยู่ในระดับที่สามารถป้องกันเอชไอวี ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- หากพลาดนัดฉีด อาจต้องเริ่มต้นใหม่หรือกินยา PrEP แบบเม็ดชั่วคราว
- แพทย์จะนัดตรวจเลือดทุกครั้งก่อนฉีดซ้ำ เพื่อตรวจหาเชื้อเอชไอวี และโรคติดต่ออื่น ๆ
ผลข้างเคียงของ PrEP แบบฉีดมีหรือไม่?
โดยทั่วไป PrEP แบบฉีดถือว่าปลอดภัยสูง และทนได้ดีในผู้ใช้ส่วนใหญ่ แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ควรรู้ไว้
- ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย (ไม่รุนแรง)
- บวม แดง หรือปวดบริเวณที่ฉีด: มักเป็นเพียงชั่วคราว และหายเองภายใน 1–3 วัน
- อ่อนเพลีย ปวดหัว หรือคลื่นไส้เล็กน้อย: มักเกิดหลังฉีดในช่วงแรกเท่านั้น และดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัวได้
- ผลข้างเคียงที่พบได้น้อย (ควรแจ้งแพทย์ทันที)
- อาการแพ้ยา (เช่น ผื่น หายใจลำบาก) แม้พบได้น้อยมาก
- ปวดกล้ามเนื้อหรือร้อนบริเวณที่ฉีดนานผิดปกติ
- ความผิดปกติของค่าตับหรือไต (ตรวจพบจากผลเลือด ไม่แสดงอาการทันที)
ข้อดี คือ PrEP ฉีดมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายากินในหลายกรณี และผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องหยุดยา

ตารางเปรียบเทียบ PrEP แบบกิน และ PrEP แบบฉีด
PrEP แบบกิน และ PrEP แบบฉีด ต่างก็มีจุดแข็งของตัวเอง การเลือกใช้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมเสี่ยง ความสะดวก และไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
หัวข้อ | PrEP แบบเม็ด | PrEP แบบฉีด |
ความถี่ในการใช้ | ยาเม็ดวันละ 1 เม็ด ทุกวัน / ก่อน-หลังมีเพศสัมพันธ์ | ทุก 8 สัปดาห์ (2 เดือน) ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ |
ประสิทธิภาพ | สูง (ถ้ากินสม่ำเสมอ) | สูงกว่าแบบเม็ด 66–89% |
ความเสี่ยงจากลืมยา | มีผลต่อระดับยา | แทบไม่มี |
เหมาะกับใคร | คนมีวินัยสูง, เข้าถึงยาได้ง่าย | คนลืมยา, มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อเนื่อง, ไลฟ์สไตล์ไม่แน่นอน, ต้องการความสะดวก |
ความสะดวก | ต้องพกยา | ฉีดโดยแพทย์ตามนัด |
PrEP ฉีดในประเทศไทย มีหรือยัง?
ปัจจุบัน (ปี 2025) ประเทศไทยเริ่มมีการนำเข้า และทดลองใช้ PrEP แบบฉีดในบางพื้นที่ โดยเฉพาะในโครงการนำร่องกับกลุ่ม MSM และหญิงข้ามเพศ การเข้าถึงยังไม่ครอบคลุมทุกแห่ง แต่มีแนวโน้มจะขยายตัวมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
หากคุณต้องการเริ่มต้นใช้ PrEP แบบฉีด หรือกำลังสงสัยว่าเหมาะกับคุณหรือไม่ ควรปรึกษาแพทย์หรือคลินิกเฉพาะทาง เพื่อวางแผนการป้องกันที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติม
การเข้าใจเกี่ยวกับยาเพร็พในการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี
สร้างเกราะป้องกันด้วยตัวคุณเอง เคล็ดลับการป้องกัน HIV ที่ปรับให้เหมาะกับชีวิตประจำวัน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการป้องกันเอชไอวี อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สะดวกกินยา PrEP แบบเม็ดทุกวัน PrEP แบบฉีด คือ ทางเลือกที่ตอบโจทย์ชีวิตคุณมากที่สุด เพราะช่วยลดความกังวลเรื่องลืมยา เพิ่มความมั่นใจ และยังให้ประสิทธิภาพที่เหนือกว่า อย่ารอให้ความเสี่ยงเกิดขึ้นก่อน การป้องกันล่วงหน้า คือ การดูแลตัวเองที่ดีที่สุด
เอกสารอ้างอิง
- Centers for Disease Control and Prevention (CDC). PrEP Effectiveness. ประสิทธิภาพของ PrEP แบบกินและแบบฉีดในการป้องกันเชื้อ HIV. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.cdc.gov/hiv/basics/prep/prep-effectiveness.html
- World Health Organization (WHO). Cabotegravir Long-Acting for HIV Prevention. ข้อมูลแนะนำการใช้ PrEP แบบฉีดจากองค์การอนามัยโลก. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.who.int/news/item/28-07-2022-who-recommends-long-acting-injectable-cabotegravir-for-hiv-prevention
- UNAIDS. New Long-Acting HIV Prevention Option for Women: Study Confirms Effectiveness of Cabotegravir. รายงานผลการทดลอง HPTN084 ในกลุ่มหญิงที่มีความเสี่ยงสูง. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.unaids.org/en/resources/presscentre/featurestories/2020/december/20201210_cabotegravir-prep-women
- HIV Prevention Trials Network (HPTN). HPTN 083 Study Results. การศึกษาประสิทธิภาพของ PrEP แบบฉีดในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและหญิงข้ามเพศ. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://www.hptn.org/research/studies/hptn083
- กระทรวงสาธารณสุขแห่งประเทศไทย. แนวทางเวชปฏิบัติการใช้ PrEP เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HIV. เว็บไซต์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก https://ddc.moph.go.th/uploads/publish/20210728_prep_guideline.pdf