ทำไมการตรวจเอชไอวีก่อนเริ่ม PEP จึงสำคัญต่อการรักษา

ทำไมการตรวจเอชไอวีก่อนเริ่ม PEP จึงสำคัญต่อการรักษา

การติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ยังคงเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ แม้ในปัจจุบันจะมียาต้านไวรัสที่ช่วยให้ผู้ติดเชื้อมีคุณภาพชีวิตใกล้เคียงคนทั่วไป แต่การป้องกันก็ยังคงเป็นหัวใจหลัก หนึ่งในวิธีป้องกันที่ใช้กันอย่างแพร่หลายคือ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) หรือ ยาต้านไวรัสฉุกเฉินหลังเสี่ยง ซึ่งต้องรับประทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีความเสี่ยง แต่ก่อนเริ่มใช้ PEP ทุกครั้ง จำเป็นต้อง ตรวจเอชไอวี เพื่อยืนยันสถานะสุขภาพของผู้รับบริการ

PrEP กับ PEP ใช้ผิดเวลา เสี่ยงพลาด! มาเรียนรู้ความต่างกัน

PrEP กับ PEP ใช้ผิดเวลา เสี่ยงพลาด! มาเรียนรู้ความต่างกัน

ในยุคที่เทคโนโลยีทางการแพทย์ก้าวหน้า เรามีทางเลือกมากมายในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะเอชไอวี (HIV) ที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญในสังคมไทยและทั่วโลก หนึ่งในแนวทางที่ได้รับการยอมรับ คือการใช้ยาต้านไวรัสเพื่อการป้องกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก ได้แก่ PrEP และ PEP

แม้ทั้งสองจะมีเป้าหมายเหมือนกัน คือ ป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี แต่แตกต่างกันอย่างมากในเรื่องเวลา และ สถานการณ์การใช้ หากใช้ผิดเวลา อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นเราควรรู้ความแตกต่างระหว่าง PrEP และ PEP ว่าใช้อย่างไร? เหมาะกับใคร? และต้องระวังอะไรบ้าง เพื่อให้คุณสามารถเลือกใช้ได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า